ประวัติย่อ(ย่อมากๆ) และประโยคสร้างแรงบันดาลใจจาก Steve Jobs



ในยุคที่ Smart Phone เริ่มกลายเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์(ก็ยุคนี้นั่นแหละ!) คงไม่มีใครไม่รู้จัก iPhone, iPad หรือสินค้าที่มาจากบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Apple ใช่ไหมครับ? ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่จะรู้จัก ไอโฟน อยู่แล้วถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้ไอโฟน แต่ชื่อเสียงของไอโฟนก็ยังทำให้ไอโฟนเป็น 1 ในรายชื่อ smart phone ชั้นนำที่คนทั่วโลกยอมรับ

เหตุผลง่ายๆ เลย ที่ทำให้เราคิดถึงไอโฟนเป็นอันดับแรกๆ เมื่อคิดถึงโทรศัพท์จอสัมผัสหรือสมาร์ทโฟนนั้นเป็นเพราะว่า "ไอโฟน(iPhone)" คือผู้นำของตลาดสมาร์ทโฟนอย่างแท้จริง! หรือจะเถียง? ฮ่าๆ

หลายคนเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้อาจจะสงสัยว่า "แล้วทำไมไอโฟนถึงได้เป็นผู้นำของตลาดสมาร์ทโฟนล่ะ?" ผมพอจะมีคำตอบมาให้ทุกคนได้รู้กันครับ แต่...
ก่อนอื่น ต้องยอมรับก่อนนะครับว่า ในปัจจุบันปี 2558 นี้ ตลาดสมาร์ทโฟนเป็นตลาดที่ใหญ่และมีการแข่งขันสูงมาก สมาร์ทโฟนนั้นมีให้เราเลือกซื้อตั้งแต่ราคาประมาณ 3,000 บาท ไปถึง 30,000 กว่าบาทนู่น(ถือว่าเป็นตลาดที่เปิดกว้างอย่างแท้จริง ขนาดพี่เสกโลโซยังทำสมาร์ทโฟนขายเลย คิดดูสิ!) ที่ผมพูดเรื่องขนาดของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนเพราะอยากจะให้ทุกคนนึกภาพกว้างก่อนว่า เมื่ออุตสาหกรรมนี้มันใหญ่ ก็ต้องมีคู่แข่งเก่งๆ เข้ามาต่อสู้ฟาดฟันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดกันอย่างดุเดือดเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นปัจจุบันสเป็คขของไอโฟนอาจจะไม่ใช่ว่าดีที่สุด แต่ก็ยังคงเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนอยู่ดี แต่อีก 2-3 ปี หน้าไม่แน่ ฮ่าๆ (หวังว่าจะเข้าใจนะครับ)

ตอนนี้เรารู้แล้วว่าตลาดสมาร์ทโฟนมีคู่แข่งเยอะ แสดงว่ามันต้องมีโทรศัพท์เจ๋งๆ เยอะมากๆ มีทั้งราคาถูกแต่ดี แพงแต่ดี แพงแต่ไม่ดีก็มี (มันก็ต้องมีบ้าง ฮ่าๆ)

เอาล่ะ! มาพูดถึงไอโฟนต่อ
แม้ว่าโลกจะมีโทรศัพท์มากมายให้เลือกซื้อ แต่ไอโฟนก็ยังคงเป็นผู้นำอยู่ดี(ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบราคากับยี่ห้ออื่นแล้วจะมีบางอย่างที่ด้อยกว่า) และนี่คือคำตอบของคำถามที่เราติดค้างคุณไว้ข้างบน

เหตุผลที่ทำให้ไอโฟนเป็นผู้นำของสมาร์ทโฟนอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะ Apple เป็นเจ้าแรกที่ทำให้โทรศัพท์จอสัมผัสสามารถใช้งานได้จริงๆ ด้วยความคิดที่แตกต่าง ออกแบบได้เรียบง่าย ใช้งานง่าย มีระบบปฏิบัติการที่ตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ(เมื่อเทียบกับโทรศัพท์จอสัมผัสยุคนั้นปี 2550) ดังนั้น คนอื่นๆ ที่ทำสมาร์ทโฟนออกมาขายทีหลัง Apple ก็กลายเป็นผู้ตามไปโดยปริยาย

ไอโฟนถูกออกแบบจากการตั้งคำถามที่เรียบง่ายเพียงไม่กี่คำถาม เช่น โทรศัพท์จำเป็นต้องมีปุ่มเยอะหรือไม่? แล้วโทรศัพท์ควรจะทำอะไรได้บ้างนอกจากโทรเข้าโทรออก? และคำถามเหล่านี้เองที่ทำให้ไอโฟนปฏิวัติวงการมือถือในยุคนั้น

แล้วคุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนตั้งคำถามเจ๋งๆ เหล่านั้น? ติ๊กต่อกๆ
เฉลย เขาคนนั้นคือผู้ก่อตั้งบริษัท Apple หรือ "Steve Jobs(สตี๊ฟ จ๊อบส์ ลุงผมเอง ฮ่าๆ)" นั่นเอง

มาๆ เรามาทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้ผ่านมุมมองของผมกันดีกว่า
สตี๊ฟ จ๊อบส์ เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1955 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ.2011
เขาเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยครับ เหตุผลที่เขาเรียนไม่จบเป็นเพราะเขามองว่าวิชาที่เขาต้องเรียนนั้นไม่เกิดประโยชน์กับเขา (อืมม์ เด็กๆ ควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ) Jobs เริ่มสนใจคอมพิวเตอร์จากการที่เขาได้ลองเล่นเกมส์ที่เพื่อนของเขาสร้างขึ้น เพื่อนคนนั้นคือผู้ร่วมก่อตั้ง Apple หรือ Steve Wozniak นั่นเอง พูดได้เต็มปากเลยว่า Jobs หลงรักเทคโนโลยีเข้าเต็มๆ ในสมัยแรกของ Apple นั้นเป็นยุคที่คนส่วนใหญ่ไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวใช้ (อาจเป็นเพราะราคาที่แพงเกินจำเป็นและคุณสมบัติต่างๆ ที่เรียกได้ว่ายังไม่จำเป็นกับการทำงานในยุคนั้น) ด้วยเหตุนี้เอง Jobs จึงตั้งคำถามประมาณว่า แล้วทำไมเราถึงไม่ทำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สามารถใช้งานได้จริงออกมาขายล่ะ? หลังจากนั้นพวกเขาทั้ง 2 ก็เริ่มทำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลออกมาขาย เมื่อคนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น Jobs จึงมองหานายทุน ที่จะมาลงทุนให้เขาได้ทำตามความฝันของตัวเอง(เน้นว่า ตัวเอง) ทุกอย่างไปได้สวยทั้งกิจการและชื่อเสียงของบริษัท Apple เป็นไปในทางที่ดีในยุคแรก แต่... ด้วยนิสัยส่วนตัวของ Jobs (ต้องบอกว่าผมไม่เคยคุยเป็นการส่วนตัวกับเขา แต่ผมเข้าใจเอาเองจากการอ่านประวัติของเขาว่าเขาต้องเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูง สูงจนไม่สนใจใคร ไม่มีใครเก่งกว่า อารมณ์ร้อน) ทำให้บอร์ดบริหารบริษัท Apple ไม่ค่อยชอบใจนักและบีบให้ Jobs ต้องลาออกจากบริษัท Apple ในที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความเป็นคนเก่งมองการไกลและเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ Jobs ก็ได้ก่อตั้งบริษัท NeXT ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเทคโนโลยีและบริษัท Pixar ขึ้น ถ้าเข้าใจไม่ผิด Jobs เป็นคนผลักดันให้มีการพัฒนาการ์ตูน 3 มิติให้ดูดีขึ้นสมจริงขึ้น การ์ตูนเรื่องแรกที่ประสบความสำเร็จมากๆ ของ Pixar คือ “Toy Story(ทอย สตอรี่) ( คือตอนแรกๆ การ์ตูนจะมีแต่การ์ตูนที่วาดมือเป็นลายเส้นและการ์ตูน 3 มิติ ก็เป็นอะไรที่ภาพห่วยมาก)  หลังจากที่ Jobs ลาออกจาก Apple ก็เรียกได้ว่า Apple นั้นเริ่มเข้าสู่ยุคมืด มันเหมือนกับว่า Apple ขาดสมอง ขาดวิสัยทัศน์ จนในที่สุดบอร์ดบริหารชุดใหม่ของบริษัท Apple ก็ตัดสินใจซื้อบริษัท NeXT ของ Jobs เพื่อจะได้ดึง Jobs กลับมาทำงานใน Apple อีกครั้ง
Jobs กลับมาทำงานที่ Apple พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สินค้าทุกชิ้นที่ Apple ออกขายนั้นผ่านการคิดคอนเสปและการตรวจทานจาก Jobs ทุกอย่าง เขาตรวจงานทุกขั้นตอนด้วยตัวเองอย่างละเอียด Apple ใส่ใจในทุกรายละเอียดของสินค้า( ผมคิดว่านี่แหละคือความแตกต่างของสินค้าจาก Apple เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ) คอนเสปหลักที่ทำให้สินค้าจาก Apple ประสบความสำเร็จและทำให้ Apple เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกก็คือ เรียบหรูใช้งานง่าย นอกจากแนวคิดของสินค้าแล้วสิ่งที่ทำให้ Apple ประสบความสำเร็จมากๆ เลยก็คือ การนำเสนอสินค้า Jobs เป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าสามารถพูดให้ดินกลายเป็นดาวได้ แต่เราจะเอาไว้พูดถึงในตอนหน้านะครับ (ฝากติดตามด้วยนะครับ อิอิ)

มาถึงตรงนี้ ทุกคนสังเกตุไหมครับ? ว่ากว่าจะมาเป็น iPhone หรือสินค้าต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนทั่วโลกได้นั้น เกิดจากอะไร?
มันเกิดจาก การตั้งคำถาม ครับ
การตั้งคำถามที่ดีจะนำไปสู่คำตอบที่ดีครับ
ทุกวันนี้ ถ้าเราคิดว่าชีวิตเรามันแย่... แล้วเราเคยตั้งคำถามที่ดีให้กับชีวิตของเรารึยังครับ?
สมมติว่าเราพูดเรื่องสุขภาพนะครับ ผมขอลองยกตัวอย่างคำถามง่ายๆ สัก 2 คำถามนะครับ
คำถามแรก : โรคมะเร็งเป็นแล้วจะรักษายังไง?
คำถามที่สอง : ทำยังไงไม่ให้เกิดมะเร็ง?
ผมจะไม่บอกว่าเราควรถามคำถามไหนกับชีวิตตัวเองนะครับ แต่นี่คือตัวอย่างของของการตั้งคำถามครับ

3 ประโยคเด็ดสร้างแรงบันดาลใจจากลุงของผม ลุงตี๊ฟ(Steve Jobs)
1. "Stay hungry. Stay foolish" ความหมายที่นึกเอาเอง 
ถ้าเราทำตัวฉลาดตลอดเวลา ก็จะไม่มีใครสามารถสอนเราได้และในที่สุดเราก็จะไม่เคยได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เลย

2. "Quality is much better than quantity. One home run is much better than two doubles" แปล "คุณภาพสำคัญกว่าจำนวน" ความหมายที่นึกเอาเอง
ตามคำแปล ฮ่าๆ

3. "Your time is limited, don't waste it living someone else's life. Don't be trapped by dogma, which is living the result of other people's thinking. Don't let the noise of other opinions drown your own inner voice. And most important, have the courage to follow your heart and intuition, they somehow already know what you truly want to become. Everything else is secondary." ความหมายที่นึกเอาเอง
ชีวิตเรามีเวลาจำกัด(เพราะชีวิตจริงไม่มีสูตรอมตะ ฮ่าๆ) จงใช้ชีวิตอย่างที่เราอยากใช้ อย่าปล่อยให้ความคิดของคนอื่นมามีอิทธิพลมากกว่าเสียงของใจเราเอง และที่สำคัญที่สุดจงมีความกล้าที่จะทำตามสิ่งที่เราฝันและอยากเป็น

หวังว่าทุกคนจะสนุกและได้ประโยชน์จากการอ่านบทความนี้นะครับ
ขอบคุณครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[รีวิว] เรื่องกินสนุกๆจนเป็น ริดสีดวง และวิธีรักษาแบบไม่ผ่าตัด

(มีคลิป)สอนเล่น Vindictus เกมใหม่สุด Sexy ของ Garena

มารู้จักกับเกม Clash of Clans เกมที่นางเอกตัวแม่ อย่างพี่อั้ม พัชราภา ยังเล่น(สวยและเล่นเกมแบบนี้ จ๊าบไปเลย!)