[มีสาระ]เรื่องสนุกๆของการทำงานที่ Bangkok Comic Con
ความสนุกวันนี้ที่งาน Bangkok Comic Con @ Siam Paragon
งานนี้เพิ่งจบไปเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง(6 ก.ค. 57) โดยภายในงานนี้ก็จะมีบู๊ธต่างๆที่เกี่ยวกับหนังและการ์ตูน ฯลฯ มากมายหลายเรื่อง คือต้องยอมรับเลยว่าแอบผิดหวังเล็กน้อยเพราะตอนเห็นงาน Comic Con ของฝรั่ง(ในอเมริกา คือดูจากในเว็ปนะ ไม่เคยไปเอง 555) ก็จะมีแต่ Comic แบบพวก Marvel, DC อะไรเทือกนั้น แต่ก็เอาเถอะ แค่นี้ก็พอแล้ว นี่เป็นปีแรก ปีต่อๆไปทางผู้จัดงานเขาคงจะจัดได้ดีขึ้นกว่านี้ กับเรื่องค่าตั๋วเข้างาน 150 บาท สำหรับคนที่ชอบงานพวกนี้หรือมีจุดประสงค์ในการมานั้นก็ถือว่าโอเค ไม่แพงมากพอกรุ้มกริ่ม(แต่ผมแอบช็อคเล็กๆพอรู้ว่าต้องจ่ายค่าตั๋ว 555) โชคยังดีที่ผมได้มาทำ Live Sound ให้ Max The Voice (ข้อมูลเพิ่มเติมตามลิงค์นะครับ) ที่งานนี้พอดี เลยไม่ต้องเสียค่าตั๋วเข้างานเขาให้มาเป็นแถบข้อมือสีชมพูแบบในรูปข้างล่าง
เอาล่ะ! มาดูบรรยากาศคร่าวๆในงานกันเถอะ!!!
ด้วยความที่ผมมาถึงงานช่วงบ่าย ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเดินดูในงานมากนักเพราะพี่เขาบอกว่าต้องเตรียมตัว *Sound Check(จะเก็บไว้อธิบายประโยชน์และวิธีการในแบบผมในกระทู้ต่อๆไปนะครับ) ผมก็เลยเดินได้แค่บริเวณใกล้ๆบู๊ธเครื่องเสียง พอเดินไปถึงบู๊ธปุ๊บ ผมก็เดินไปแนะนำตัวกับพวกพี่ๆทีมงานจาก JSS Production ซึ่งวันนั้นเป็น "พี่มายด์" ที่รับหน้าที่ดูแลบู๊ธเครื่องเสียง สิ่งแรกที่ผมต้องมองเป็นประจำเมื่อเดินเข้าบู๊ธเครื่องเสียงคือ สาวๆน่ารักๆ ถุ๊ย!! *มิกเซอร์(Mixer หรือเครื่องผสมสัญญาณเสียงนั่นเอง [ไว้จะอธิบายในกระทู้ต่อๆไปนะครับ]) สิครับ ซึ่งหลังจากผมมองไปที่ mixer แล้ว ผมถึงกับช็อคเพราะมันเป็นยี่ห้อ Yamaha ซึ่งในตลอดชีวิตและประสบการณ์การทำงาน(อันน้อยนิด)ของผม ผมมีโอกาสได้จับ mixer ของ Yamaha แค่ 0 ครั้ง เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้จับเจ้านี่ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น Yamaha LS9 (ดูรูปได้จากลิงค์) หลังจากที่รวบรวมสติได้ผมก็บอกพี่ๆทีมงานว่า "พี่ครับ เดี๋ยวผมมานะครับขอเดินเที่ยวก่อน"
จากนั้นผมก็หันหลังเตรียมเดินออกมา ก็เห็นบู๊ธ "โดราเอม่อน" ฮีโร่วัยเด็กของผม ใจจริงอยากจะเดินเข้าไปถ่ายรูปในบู๊ธแล้วโบกไม้โบกมือแบบแกงค์โนบิตะ แต่น่าเสียดายผมมาคนเดียว ไม่งั้นนะ... หึหึ (แอบเก็บรูปมารูปนึง)
พอรู้ว่าต่อแถวไปก็ได้แค่ Selfie เพราะไม่มีคนถ่ายให้ก็เลยตัดใจเดินออกมาฟังกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันตามรูปข้างล่าง
โอ้แม่เจ้า!! ที่แท้พวกเขาก็คุยเรื่องของ Game of Thrones กันอยู่ รู้อย่างงี้ยืนฟังดีกว่า เหอๆ ผมมาทันตอนที่เขาคุยกันใกล้จบแล้วด้วยความที่เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปคู่ Iron Thrones ผมก็เลยตัดสินใจ เอาวะ! เดินไปถ่ายรูปกับคนเขียน Story board ซะเลยจะได้แอบคุยเรื่อง Season 5 ที่กำลังจะเข้าปลายปีนี้ด้วย
หลังจากขอถ่ายรูปคู่ด้วยแล้วก็แอบถามถึง Season 5 นิดนึง William Simpson (อยากรู้ประวัติของน้าแก ดูได้จากลิงค์นี้ครับ) ก็บอกว่า "มันส์กว่าภาค 4 แน่นอนรอดูเองนะจ๊ะ[แปลไทยแบบน่ารักๆ]" โหวววว น้าาาาา ถ้าน้าจะตอบแบบนี้นะ ฮึ่มมมม!! ผมก็เลยบอกแกว่า "ขอบคุณครับ เรารักหนังของน้ามากเลย บ๊ายบาย"
แล้วผมก็เดินวนไปมาฆ่าเวลา(ตายไปหลายชั่วโมง 555)จนถึงเวลาเล่นคอนเสิร์ตของ Max The Voice โดยวงนี้มีการใช้เครื่องดนตรีทั้งหมด 4 ชิ้น 1. กลองโดยพี่วง 2. เบสโดยพี่มอน 3.กีตาร์ไฟฟ้าโดยดีแล่น 4.กีตาร์โปร่งไฟฟ้าโดยแม็กซ์ ส่วนพี่ที่ยืนร้องเพลงข้างๆแม็กซ์ คือ พี่กบ The Voice ซึ่งเป็นแขกรับเชิญพิเศษในงานนี้(ตามรูป)
เอาล่ะถึงเวลาทำงานแล้ว!!
อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนแรกๆว่าก่อนจะเล่นคอนเสิร์ตเราจะต้องมีการ Sound check เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในระหว่างเล่นจริง ข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง เช่น ไมค์ไม่ติด นักร้องไม่ได้ยินเสียงตัวเอง นักดนตรีไม่ได้ยินเสียงที่ตัวเองเล่น ไมค์หอน(เสียงวี๊ดดดด แหลมๆดังๆ) และอีกมากมายที่สามารถจะเกิด การ Sound check มีไว้เพื่อให้เราจัดการสำรวจและแก้ปัญหาที่คาดว่าจะเกิดก่อนการเล่นจริง(กระทู้ต่อๆไปเราจะมาลงรายละเอียดกันว่าทำยังไง) แต่เนื่องด้วยบางงานเราก็ไม่มีเวลาได้ทำการ Sound check นานเท่าที่ควร ทำให้ Live Sound Engineer อย่างผมต้องรีบๆจัดการปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆพยายามให้คนบนเวทีพอใจกับเสียงที่พวกเขาอยากได้ยินและทำให้ผู้ชมที่มาดูคอนเสิร์ตพอใจกับเสียงที่ทุกคนอยากได้ยิน ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าไม่ง่ายที่เราจะทำให้ทุกคนพอใจเพราะมาตรฐานแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ผมก็พยายามให้ดีที่สุดที่ผมจะทำซึ่งหลายๆครั้งก็ไม่ดีพอ(แอบเศร้า เหอๆ)
งานนี้มีเวลาให้ผมประมาณ 10 นาที จัดการกับทุกอย่างที่ผมได้กล่าวไปข้างบน โชคร้ายนิดๆที่ผมไม่เคยใช้ mixer ของ Yamaha เลย แต่โชคดีที่สุดที่มีพี่ๆทีมงานคอยให้ความช่วยเหลือและแนะนำการใช้งานตลอด พี่ๆเป็นกันเองมากครับ ผมถามแทบทุกอย่างเพราะผมไม่รู้เลยเกี่ยวกับการใช้ mixer ตัวนี้ แต่พี่ๆเขาก็ใจดีตอบให้ด้วยความเต็มใจ สุดท้ายคอนเสิร์ตก็จบลงด้วยความพอใจของทุกฝ่าย ไม่มีใครตีกันหน้าเวที หรือปาของใส่ผม 555
สรุปผลงานวันนี้!! (6.5 เต็ม 10 คะแนน)
งานของผมโดยรวมวันนี้ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร เพราะเสียงมอนิเตอร์ข้างบนเวทีไม่ชัดพอให้ทุกคนได้ยินแบบสบายหู ส่วนเสียงข้างล่างนั้นโดยรวมก็ไม่ดีและไม่แย่ อยู่ในระดับกลางๆ เหตุผลที่เป็นเช่นนี้คงเพราะ
- เวลา Sound check น้อย และผมไม่ถนัด mixer Yamaha ทำให้ผมทำงานช้าลงไปอีก ผิดที่ผมไม่ได้เตรียมความพร้อมเรื่อง mixer มา
- ทำเสียงมอนิเตอร์บนเวทีออกมาไม่ดีทำให้นักดนตรีเล่นได้ไม่เต็มที่
- ไม่มีสติ
หวังว่าหลายๆคนคงเริ่มเห็นความสำคัญของการ Sound check ขึ้นมาบ้างนะครับ เพราะผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่มีคอนเสิร์ตไหนที่ไม่ Sound check แล้วเสียงออกมาดีกว่า Sound check แล้ว จริงๆนะครับ
ปล.ติดตามกระทู้ Sound check เพื่อชีวิตได้ในกระทู้ต่อไปนะครับ ^__^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น